วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ประวัติ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)

ประวัติความเป็นมา
    ในปี พ.ศ. 2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นแม่กองก่อสร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาสมณ (สะ-หมน) หรือ เขามไหศวรรย์ (เพี้ยนมาจากเขามหาศวรรค์) ซึ่งเป็นภูเขาที่มียอดใหญ่ 3 ยอด มีความสูง 95 เมตร จากระดับน้ำทะเล เมื่อสร้างพระราชวังแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2403 จึงพระราชทานนามว่า "พระนครคีรี" คนทั่วไปเรียกว่า "เขาวัง"
พระนครคีรีเป็นที่ประทับในฤดูร้อนเมื่อเสด็จประพาสเพชรบุรี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาประทับแรมหลายครั้ง ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จมาประทับเป็นครั้งคราว และใช้เป็นที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ  แต่หลังจากนั้นพระนครคีรีไม่ได้ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์อีก ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมพระราชวังแห่งนี้ และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม
กรมศิลปากรได้บูรณะปรับปรุงอาคารของพระราชวังด้านทิศตะวันตก และจัดตั้งเป็น "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี" และได้ประกาศให้พื้นที่ทั้งหมดเป็น "อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี" 
ข้อมูลทั่วไป 
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ตั้งอยู่บนเขาที่มียอดสูงประมาณ 95 เมตร ริมถนนเพชรเกษม ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีเนื้อที่รวม 8,500 ไร่ และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี
พระนครคีรี ประกอบด้วยพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิค สถาปัตยกรรมไทย และจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด
การขึ้นชมเขาวัง ทำได้ 2 วิธี คือ
  1. เดินขึ้นเขาวัง เป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่เดิม แม้จะต้องเหนื่อยสักหน่อยแต่จะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะอุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะลั่นทมไทยที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมในฤดูร้อน ยังมีฝูงลิงใหญ่น้อยเจ้าของถิ่นออกมาทักทายและต้อนรับผู้มาเยือนอยู่ตามรายทางด้วย
  2. ขึ้นรถรางไฟฟ้า หรือเคเบิลคาร์ สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัย 
จุดเด่นหรือสิ่งสนใจ 


    พระนครคีรีมีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และน่าสนใจบนยอดเขาทั้ง 3 ยอด ดังนี้
ยอดเขาด้านทิศตะวันตก
เป็นที่ตั้งของพระราชวังอันซึ่งมีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น
  • พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ประกอบด้วย ห้องบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องเสวย และห้องโถงออกขุนนาง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี)
  • พระที่นั่งปราโมทย์มไหศวรรย์ เป็นพระที่นั่งสองชั้น ประกอบด้วยห้องบรรทม และห้องโถง
  • พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท เป็นปราสาทยอดปรางค์สวยงามสูง 14 เมตร ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปปั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระที่นั่งราชธรรมสภา เป็นพระที่นั่งชั้นเดียวคล้ายเก๋งจีน แต่มีสถาปัตยกรรมแบบโรมันผสม ภายในพระที่นั่งประดิษฐานพระพุทธรูป ใช้เป็นที่ประชุมสาธยายธรรม
  • หอพิมานเพชรมเหศวร์ ประกอบด้วยหอย่อยเล็ก 3 หอ หอทางขวาเป็นศาลเทพารักษ์ (ศาลพระภูมิเจ้าที่) หอตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และหอทางซ้ายเป็นที่ประโคมสังคีต
  • ตำหนักสันถาคารสถาน เป็นหมู่ตำหนักขนาดใหญ่ สำหรับรับแขกเมือง ซึ่งสามารถพักแรมได้
  • หอจตุเวทปริตพัจน์ เป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทรงสดับพระธรรมเทศนาในวันพระธรรมสวนะ
  • หอชัชวาลเวียงชัย เป็นอาคารทรงกลมคล้ายกระโจมไฟ หลังคาเป็นรูปโดม มุงด้วยกระจกโค้ง ภายในห้อยโคมไฟ ภายในโดมหอยโคมไฟไวมองเห็นได้ระยะไกลจากทะลซึ่งใช้เป็นจุดสังเกตของการเดินเรือในอดีต (ชาวบ้านเรียกว่า หอกระโจมแก้ว หรือ หอส่องกล้อง) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดให้สร้างไว้โดยมีพระราชประสงค์จะทรงส่องกล้องทอดพระเนตรดวงดาวในตำราดาราศาสตร์
นอกจากนี้แล้วยังมี ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ โรงรถ โรงม้า ศาลามหาดเล็ก ศาลาลูกขุน ศาลาด่าน ศาลาเย็นใจ ทิมดาบองครักษ์ โรงครัว รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือ ป้อมธตรฐป้องปกทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกันทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษาทางทิศเหนือ
กรมศิลปากรได้ใช้บางส่วนของพระราชวังบนยอดเขาด้านทิศตะวันตกนี้ จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่างๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปหล่อโลหะสำริดและทองเหลืองที่ใช้สำหรับตกแต่งห้องต่างๆ ในพระที่นั่ง และเครื่องกระเบื้องของจีน ญี่ปุ่น และยุโรป





ยอดเขาด้านทิศตะวันออกบริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน
ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดที่สร้างใหม่เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ แต่เดิมมีพระแก้วผลึกเป็นพระประธานแต่เมื่อสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทางการได้นำพระแก้วผลึกกลับคืนไปกรุงเทพฯ โดยเปลี่ยนเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนมาประดิษฐานเป็นพระประธานแทน
ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็กประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังพระอุบสถเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงกลม ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 9 เมตร องค์เจดีย์สูง 9 เมตร ทำด้วยหินอ่อนสีเทาอมเขียว ด้านหน้าพระอุโบสถ มีศาลา และพระปรางค์แดง ซึ่งเป็นพระปรางค์เป็นแบบไทย ย่อมุม ภายในโปร่ง มีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ (ปกติพระปรางค์จะตันและทึบ) ภายในมีแท่นสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ชาวบ้านเรียกพระปรางค์นี้ว่า เจดีย์แดง
ยอดเขากลาง
เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมเพชร เป็นเจดีย์ทรงลังกาสีขาว ลักษณะภายในฐานกลวงเป็นหอกลมกลางฐานตรงกลางมีเสาใหญ่รับน้ำหนักองค์พระเจดีย์ รอบพระเจดีย์มีทางเข้าไปยังหอกลมสี่ทางด้วยกัน องค์เจดีย์สร้างบนภูเขาสูง 92 เมตร มีความสูงจากฐานเจดีย์ 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน จากจุดนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่างๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย
เด็ก, เยาวชน, ผู้ใหญ่, ครอบครัว, เที่ยวคนเดียว, เที่ยวเป็นกลุ่ม
เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) นมัสการพระพุทธรูป เจดีย์โบราณ และชมภาพเขียนฝาผนังโบสถ์ตามวัดต่างๆ
จังหวัดเพชรบุรีมีการจัดงานประจำปี "พระนครคีรีเมืองเพชร" เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระราชวังที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ หรือ เดือนเมษายน ของทุกปี รวม 10 วัน 10 คืน มีวัตถุประสงค์ที่จะเทิดพระเกียรติบูรพมหากษัตราธิราชไทย ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดเพชรบุรีให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การแสดง และสาธิตงานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ในช่วงของการจัดงานจะมีการประดับไฟบนเขาวังอย่างสวยงาม
ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีร้านขายของที่ระลึกที่มีสินค้าของฝากประจำจังหวัดให้เลือกซื้อตามความชอบ เช่น ขนมหม้อแกง ขนมไทย ขนมพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังผลิตจากหนังปลานิล
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 - 16.30 น.
ค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี) 
ชาวไทย 20 บาท
ชาวต่างประเทศ 150 บาท
ค่าบริการโดยสารรถรางไฟฟ้าขึ้นลงเขา (ตั๋วไป-กลับ)ผู้ใหญ่ 30 บาท
เด็ก 10 บาท
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น